กลับมาเป็น ” ไทย ” เถอะ
“กลับ บ้าน” ภาพนี้สืบเนื่องจาก การได้ไปทำบุญกฐิน-ถวายพระ กับที่บ้าน ณ.วัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพิษณุโลก หลังจากที่ไม่ได้ออกต่างจังหวัดมานาน รู้สึกเห็นอะไรก็น่าถ่ายไปซะหมด ยิ่งในบรรยากาศยามเย็น พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไปทุกทีแล้วยิ่งน่าถ่ายจริงๆ แล้วทันใดนั้นผมเหลือบไปเห็นรถอีเต๊นวิ่งมาแต่ไกล บรรทุกคนมาพร้อมสรรพ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นชาวบ้านที่เดินทางไปทำงานพึ่งจะกลับ แต่สีหน้าของแต่ละคน ยังดูมีความสุข ทั้งยังคุยกันสนุกสนาน อาจเป็นเพราะเส้นทางที่เขากำลังจะไปนั้นเป็นทางกลับบ้านก็ได้ พอคิดได้ในที่สุดเหมือนฟ้าประทานมาให้ถ่าย 555 โดยไม่ลังเล ผมคว้ากล้องแนบดวงตา วางตำแหน่งของสิ่งต่างๆให้เข้าที่ ได้โอกาสใช้มุมย้อนแสงที่เป็นอยู่ให้เป็นประโยชน์ เห็นแสงอาทิตย์ทอแสงมาพอดี วัดแสง กะโฟกัสตั้งหน้ากล้อง แล้วรอให้รถอีแต๊นขับผ่านด้านหน้าพอดีในจุดที่ตั้งใจ แล้วกดขัตเตอร์ เสียงชัตเตอร์ นุ่มๆ กับกระจกสะท้อนภาพพับขึ้น ดังพับ! ภาพในวิวฟลายเดอร์หายไปประมาณเส้๊ยววินาที แล้วทุกอย่างก็กลับคืนสู่จุดที่มันเป็น
แต่เพียงแค่เสี้ยววินาที นั้น การหยุดเวลาของผมก็สำเร็จ ถึงทุกอย่างจะต้องเป็นอย่างที่มันเป็นต่อไป แต่ผมเก็บอารมณ์ และความรู้สึกช่วงนั้นมาอยู่กับผมแล้ว ตรงนี้ละมั่งที่เป็นเสน่ห์ของการถ่ายภาพ และคิดไปอีกอย่าง ผมว่าบ้านคือวิมาณสำหรับทุกคนจริงๆครับ Have a good day.
ก่อนจะไปต่อกันที่ ภาค 2 ที่ยังไม่ได้พิมพ์ เลือกเอาชุดนี้ลัดคิวขึ้นมาก่อนครับเพราะพึ่งทำเสร็จโดยที่ภาพนี้เป็นภาพชุดเดียวกับที่ได้ไปถ่ายตอนที่เดินท่าพระจันทร์ครับ ซึ่งเห็นแล้วว่าน่าจะเอามาลงสีเพราะตอนที่ถ่ายก็รู้สึกชอบสีสรรของท้องฟ้าในตอนนั้น แต่ในกล้องมีแต่ฟิลม์ขาวดำนี่นา เลยเอามาแก้ตอนอัดเลยครับให้มป็นสีขี้นมา ก็เลยอัดเผื่อไว้ก่อนแล้ว โดยที่ตอนแรกผมได้แต่ลองลงสีเฉพาะบริเวณด้านล่างก่อน โดยทิ้งช่วงท้องฟ้าไว้เพราะยังไม่กล้าลง ไม่รู้จะเลือกลงสีอะไรดี เพราะในช่วงเวลาที่ถ่ายนั้นเป็นช่วงเย็นแล้ว บรรยกาศ ของท้องฟ้าค่อนข้างที่จะเป็นสี ส้มๆ ม่วง ทำให้ไม่กล้าลงในทีแรกเพราะกล้วผสมสีไม่ถูก และจะออกมาไม่เป็นอย่างที่ต้องการ แต่ถ้าจะเลือกไม่ลงสีของท้องฟ้า โดยล่อยให้โล่งๆ เป็นสีออกเทาๆ มันก็ดันดูไม่สวยอีก เพราะอัดออกมาไม่ค่อยดีฟ้าเดิมๆมันยังไม่สวยครับ อีกทั้งท้องฟ้าในภาพก็น่าจะเห็นจุดเด่นมากกว่าเพราะกินพื้นที่มาก ก็เลยเลือกสีท้องฟ้าใหม่ ให้ลงสีง่ายขึ้น โดยให้เป็นสีฟ้าๆ แบบพื้นๆเลย แล้วก็ได้เป็นรูปอย่างที่เห็นครับ
ฝากติชมด้วยครับ ฝีมือในด้านการลงสีและผสมสีอาจยังต้องปรับปรุงอยู่ครับ ยังเลือกผสมสีไม่ถูกต้องเท่าใหร่ครับ
ถาพจาก Rolleiflex 2.8D Film Tri-x 400 กระดาษ Illford RC
ปล.เป็นภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลธรรมดาๆ ตัวเดิมครับ คุณภาพเลยอาจไม่ดีเท่ารูปจริงนะครับ แต่ดูๆแล้ว สนามหลวงแบบนี้มันสวยกว่าการที่มีม๊อบมาเดินเยอะนะครับ ว่ามั้ย
เรื่องราวต่อจากครั้งที่แล้วที่ว่าจะเอาผลงานที่ได้ลอง แสดงฝีมือดู เป็นผลงานครั้งแรกที่ชอบมากหลังจากที่ได้เรียน และได้ลองมา ต้องยกความดีความชอบให้อาจารย์ด้วย สอนดีจริงๆ
ถ้าเคยได้ชมกันแล้วในภาพจริงที่เป็ฉบับขาวดำแท้ๆ ถ้าโครไม่เคยลองดูที่นี่เพื่อเปรียบเทียบกันได้ซึ่งเป็นภาพสุดท้าย ที่ได้จากกล้อง Holga ตัวเก่ง แล้วก็ได้ลองอัดออกมาเป็นภาพจริงด้วยกรรมมาวิธีล้างอัดด้วยมือ ตามด้วยการจับภาพมาลงสีด้วยสีแสตมป์ ซึ่งออกมาสมจริง เอามากๆ ผมชอบๆ ลองดูวิธีตามรูปแล้วกัน และบอกได้คำเดียวครับว่า โลกขาวดำนี่มันสุดยอดจริงๆ เอาดิจิตอลไปทิ้งเถอะขอร้อง อิอิ
ภาพแรกเป็นภาพอุปกรณ์และขั้นตอนระหว่างที่ทำครับ
ภาพจริงที่เสร็จแล้วแบบเต็มภาพ
เข้ามาดูใกล้ๆอีกนิดนะ ให้ดูถึงความสมจริงสมจังของเนื้อหนังมังสาหน่อย ดูแล้วเหมือนแมวมันเดินออกมาจริงๆนะ เห็นแล้วอยากปากล้องดิจิตอลทิ้งหรือยังล่ะ
ปล.ภาพทั้งหมดเป้นภาพจริงที่ผ่านขั้นตอนการลงสีให้กับภาพที่ถ่ายจากฟิลม์ขาวดำทั้งหมด โดยไม่ได้ตกแต่งภาพจากคอมพิวเตอร์แต่อย่างใดแต่เนื่องจากกล้องดิจิตอลที่ผมใช้ถ่ายมันห่วย เลยถ่ายทอดความสมจริงออกมาได้เท่านี้ละครับ ภาพจริงสวยกว่าเยอะ และบอกได้อย่างเดียวครับว่า ภาพขาวดำนี้มันสุดยอดจริงๆครับ เห็นแล้วอยากปากล้องดิจิตอลทิ้งหรือยังครับ อิอิ