Street Life Photo.(Long Journey!)

November 29, 2006

ข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องขึ้นอัตตราดอกเบี้ยบัตร(อีกแล้ว)

Filed under: Day by Day, News letter & Event — heronop @ 10:53 am

ดอกเบี้ยบัตรเพิ่มอีกแล้ว ในขณะที่รายได้เท่าเดิม และเศรษฐกิจตกต่ำ อย่างไรก็ดี กินอยู่แบบพอเพียง และใช้จ่ายระวังด้วยครับ

bank-of-thailand.JPG

ฉบับที่ 46 /2549

เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับธุรกิจบัตรเครดิต

นับตั้งแต่ปี 2545 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าบริการบัตรเครดิตไว้ที่ร้อยละ 18 ต่อปี เพื่อเป็นการพิทักษ์รักษาประโยชน์ของประชาชนโดยมีค่าใช้จ่าย ที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต แต่ต่อมาภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปโดยอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2549 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. อัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ย และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนเฉลี่ย (เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยรายใหญ่ 5 แห่ง) อยู่ที่ร้อยละ 5.00 7.75 และ 3.50 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2546 (ปีที่อัตราร้อยละ 18 ต่อปี มีผลใช้บังคับ) ร้อยละ 3.75 2.00 และ 2.50 ตามลำดับ ซึ่งอัตราที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวได้สะท้อนไปยังต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตให้ปรับตัวสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง และชมรมธุรกิจบัตรเครดิตได้มีคำขอให้ ธปท. พิจารณาปรับเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ย บัตรเครดิต ตลอดจนหลักเกณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ธปท. ด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ดอกเบี้ยและค่าบริการที่ธนาคารพาณิชย์อาจเรียกได้ในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต ของธนาคารพาณิชย์ และเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจ บัตรเครดิต สำหรับผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต รวมทั้งสิ้น 3 ฉบับ เพื่อปรับเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าบริการบัตรเครดิตอีกร้อยละ 2 ต่อปีเป็นไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี ให้สอดคล้องกับต้นทุน ทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2549 เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ สำหรับลูกค้าประชาชนที่มีหนี้จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือจากการเบิกถอนเงินสด ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ (ทั้งกรณีลูกค้ามีข้อตกลงชำระหนี้เต็มจำนวนหรือ ผ่อนชำระบางส่วน) จะได้รับความคุ้มครองตามประกาศฉบับเดิม กล่าวคือ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต จะเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมได้ไม่เกินร้อยละ 18 ต่อปี ต่อไปจนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2550 โดยที่อัตราที่เรียกจะต้องเป็นไปตามกรอบของสัญญาที่ทำไว้เดิมด้วย เพื่อเป็นการทอดระยะเวลาให้ลูกค้าประชาชนมีเวลาปรับตัวได้ประมาณ 7 เดือน ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้ของผู้ถือบัตรรายเก่าก่อนวันที่ 1 เมษายน 2547 ที่จะต้องเพิ่มการชำระขั้นต่ำในแต่ละงวดจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป เมื่อลูกค้าประชาชนได้มีโอกาสปรับตัวถึง 7 เดือนแล้ว ไม่ว่าหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนหรือตั้งแต่วันที่ประกาศทั้ง 3 ฉบับที่แก้ไขนี้มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตอาจคิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมในอัตราใหม่ได้ (ไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี) ภายใต้กรอบของสัญญาที่ทำกันไว้ ทั้งนี้ ลูกค้าประชาชนควรต้องระมัดระวังการก่อหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น เนื่องจาก หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น ลูกค้าประชาชนก็จะต้องมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจาก ตามสัญญาส่วนใหญ่ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตสามารถเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยได้โดยแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า 1 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ถือบัตรเครดิตและหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตในประเด็นอื่นสรุปได้ดังนี้การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือบัตรเครดิต โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตสามารถพิจารณาจากการมีเงินฝาก หรือการลงทุนตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ องค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งได้ขยายหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือบัตรองค์กร (Corporate Card) โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตสามารถพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือบัตรของบัตร Corporate Card จากฐานะทางการเงินของบริษัทที่จะขอมีบัตรเครดิตแทนการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือบัตรรายบุคคล ธนาคารแห่งประเทศไทย
28
พฤศจิกายน 2549

Blog at WordPress.com.